Aller au contenu principal

ฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง


ฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง


ฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง (อังกฤษ: Allies; ฝรั่งเศส: Alliés; รัสเซีย: Союзники, Soyuzniki; จีน: 同盟國, Tóngméngguó) เป็นกลุ่มประเทศที่ต่อสู้กับฝ่ายอักษะช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ฝ่ายสัมพันธมิตรเข้ามาพัวพันในสงครามโลกครั้งที่สองเพราะประเทศเหล่านี้ถูกรุกรานก่อน ถูกคุกคามโดยตรงจากการรุกรานของฝ่ายอักษะหรือเพราะประเทศเหล่านี้กังวลว่าฝ่ายอักษะจะควบคุมโลกอย่างใดอย่างหนึ่ง

แนวร่วมต่อสู้เยอรมนีช่วงสงครามเริ่มต้น (1 กันยายน ค.ศ. 1939) ประกอบด้วยฝรั่งเศส โปแลนด์ สหราชอาณาจักร ชาติเครือจักรภพอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหภาพแอฟริกาใต้ (กำลังสหภาพแอฟริกาใต้ส่วนใหญ่สู้รบภายใต้การบัญชาของเครือจักรภพแม้จะเป็นชาติอธิปไตยนับแต่ ค.ศ. 1931) หลัง ค.ศ. 1941 ผู้นำสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพอังกฤษ, สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "สามผู้ยิ่งใหญ่" ถือความเป็นผู้นำฝ่ายสัมพันธมิตร ในขณะนั้น จีนเองก็เป็นฝ่ายสัมพันธมิตรหลักเช่นกัน ฝ่ายสัมพันธมิตรอื่นมีเบลเยียม บราซิล เชโกสโลวาเกีย เอธิโอเปีย กรีซ อินเดีย เม็กซิโก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์และยูโกสลาเวีย

ระหว่างเดือนธันวาคม ค.ศ. 1941 ประธานาธิบดีสหรัฐ แฟรงกลิน โรสเวลต์ เสนอชื่อ "สหประชาชาติ" สำหรับฝ่ายสัมพันธมิตร เขาเรียกผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามและจีนว่า "หน้าที่พิทักษ์ของผู้ทรงพลัง" (trusteeship of the powerful) และภายหลังเรียกว่า "สี่ตำรวจ" ปฏิญญาสหประชาชาติวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1942 เป็นรากฐานของสหประชาชาติสมัยใหม่ ที่การประชุมพอตสดัม เมื่อเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ค.ศ. 1945 ผู้สืบทอดของโรสเวลต์ แฮร์รี เอส. ทรูแมน เสนอว่ารัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ฝรั่งเศส สหภาพโซเวียต สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา "ควรร่างสนธิสัญญาสันติภาพและการตกลงเขตแดนของยุโรป" ซึ่งนำไปสู่สภารัฐมนตรีต่างประเทศ

การเข้าร่วมของประเทศสมาชิก

ตามช่วงเวลาการบุกครองโปแลนด์

ดูบทความเพิ่มเติมได้ที่ การบุกครองโปแลนด์

กันยายน 1939
  • โปแลนด์: 1 กันยายน 1939
  • ออสเตรเลีย: 3 กันยายน 1939
  • ฝรั่งเศส: 3 กันยายน 1939 รวมไปถึง:
    • แอลจีเรียของฝรั่งเศส
    • โมร็อกโกในอารักขาของฝรั่งเศส
    • ดินแดนโพ้นทะเลของประเทศฝรั่งเศส
  • นิวซีแลนด์: 3 กันยายน 1939
  • จักรวรรดิอังกฤษ: 3 กันยายน 1939
    • บริติชราช: 3 กันยายน 1939
  • สหภาพแอฟริกาใต้: 6 กันยายน 1939
  • แคนาดา: 10 กันยายน 1939
เมษายน 1940
  •  เดนมาร์ก: 9 เมษายน 1940 (วางตัวเป็นกลางในสงครามโลกครั้งที่สองจนกระทั่ง 29 สิงหาคม 1943)
  •  นอร์เวย์: 9 เมษายน 1940 (แต่ยังไม่มีความร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตรจนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1941)

ระหว่างและหลังสงครามลวง

ดูบทความเพิ่มเติมได้ที่ สงครามลวง

  •  เบลเยียม: 10 พฤษภาคม 1940, รวมไปถึง:
    • เบลเจียนคองโก
  •  ลักเซมเบิร์ก: 10 พฤษภาคม 1940
  •  เนเธอร์แลนด์: 10 พฤษภาคม 1940, รวมไปถึง:
    • หมู่เกาะอินเดียตะวันออกของดัตช์
    • อาณานิคมดัตช์
  • กรีซ: 28 ตุลาคม 1940
  •  ยูโกสลาเวีย : 6 เมษายน 1941

หลังจากการรุกรานสหภาพโซเวียต

ดูบทความเพิ่มเติมได้ที่ ปฏิบัติการบาร์บารอสซา

  • สหภาพโซเวียต: 22 มิถุนายน 1941
    • ยูเครน: 22 มิถุนายน 1941
    • เบลารุส: 22 มิถุนายน 1941

หลังจากการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์

ดูบทความเพิ่มเติมได้ที่ การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์

  •  ปานามา: 7 ธันวาคม 1941
  • สหรัฐ: 8 ธันวาคม 1941
    • เครือรัฐฟิลิปปินส์: 9 ธันวาคม 1941
  • คอสตาริกา: 8 ธันวาคม 1941
  •  สาธารณรัฐโดมินิกัน: 8 ธันวาคม 1941
  • เอลซัลวาดอร์: 8 ธันวาคม 1941
  • เฮติ: 8 ธันวาคม 1941
  •  ฮอนดูรัส: 8 ธันวาคม1941
  •  นิการากัว: 8 ธันวาคม1941
  • สาธารณรัฐจีน : 9 ธันวาคม 1941 (ทำสงครามกับจักรวรรดิญี่ปุ่นมาตั้งแต่ ค.ศ. 1937)
  •  คิวบา: 9 ธันวาคม 1941
  •  กัวเตมาลา: 9 ธันวาคม 1941
  • เสรีเช็ก: 16 ธันวาคม 1941

หลังจากประกาศก่อตั้งสหประชาชาติ

ดูบทความเพิ่มเติมได้ที่ ปฏิญญาก่อตั้งสหประชาชาติ

  • เม็กซิโก: 22 พฤษภาคม 1942
  • บราซิล: 22 สิงหาคม 1942
  • เอธิโอเปีย: 14 ธันวาคม 1942 (ก่อนหน้านั้นอยู่ภายใต้การยึดครองของ อิตาลี)
  • โบลิเวีย: 7 เมษายน 1943
  •  โคลอมเบีย: 26 กรกฎาคม 1943
  • อิหร่าน: 9 กันยายน 1943 (ถูกยึกครองโดยกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรตั้งแต่ปี ค.ศ. 1941)
  • ไลบีเรีย: 27 มกราคม 1944
  • เปรู: 12 กุมภาพันธ์ 1944

หลังจากปฏิบัติการบากราติออนและวันดีเดย์

ดูบทความเพิ่มเติมได้ที่ ปฏิบัติการบากราติออน และ ปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด

  •  เอกวาดอร์: 2 กุมภาพันธ์ 1945 (แต่ว่าเคยให้ความช่วยเหลือฝ่ายสัมพันธมิตรมาแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 1943 ในการป้องกัน หมู่เกาะกาลาปาโกส)
  •  ปารากวัย: 7 กุมภาพันธ์ 1945
  •  อุรุกวัย: 15 กุมภาพันธ์ 1945
  • เวเนซุเอลา: 15 กุมภาพันธ์ 1945
  • ไทย: 20 กุมภาพันธ์ 1944
  •  ตุรกี: 23 กุมภาพันธ์ 1945
  • อียิปต์: 27 กุมภาพันธ์ 1945
  •  เลบานอน: 27 กุมภาพันธ์ 1945
  • ซีเรีย: 27 กุมภาพันธ์ 1945
  • ซาอุดีอาระเบีย: 1 มีนาคม 1945
  •  อาร์เจนตินา: 27 มีนาคม 1945
  •  ชิลี: 11 เมษายน 1945

ประวัติ

ฝ่ายสัมพันธมิตรดั้งเดิม

ประเทศสัมพันธมิตรดั้งเดิม คือ กลุ่มประเทศที่ประกาศสงครามต่อนาซีเยอรมนี ในช่วงการบุกครองในปี 1939 อันประกอบด้วย

  • สาธารณรัฐโปแลนด์ที่ 2
  • สหราชอาณาจักรและเครือจักรภพ (จักรวรรดิอังกฤษ)
  • สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3

ซึ่งกลุ่มประเทศเหล่านี้มีความสัมพันธ์กันจากเครือข่ายสนธิสัญญาป้องกันร่วมกัน และสนธิสัญญาในความร่วมมือพันธมิตรทางการทหารก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ส่วนความร่วมมือกันระหว่างสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสสามารถย้อนไปได้ถึง ความเข้าใจระหว่างอังกฤษ-ฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1904 และฝ่ายไตรภาคี ในปี ค.ศ. 1907 และดำเนินการร่วมกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ส่วนพันธมิตรทางการทหารฝรั่งเศส-โปแลนด์ได้รับการลงนาม ในปีค.ศ. 1921 ซึ่งได้รับการแก้ไขในปี ค.ศ. 1927 และอีกครั้งในปี ค.ศ. 1939 ส่วนพันธมิตรทางการทหารอังกฤษ-โปแลนด์ ได้รับการลงนามในวันที่ 25 สิงหาคม 1939 ซึ่งประกอบไปด้วยสัญญาในการให้ความร่วมมือทางการทหารร่วมกันระหว่างชาติในกรณีถูกรุกรานโดยนาซีเยอรมนี

ฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตก

ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1939 การบุกครองโปแลนด์ของเยอรมนีได้เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สอง สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสประกาศสงครามต่อเยอรมนีในวันที่ 3 กันยายน ในวันเดียวกัน ประเทศเครือจักรภพประกาศสงครามเข้ากับสหราชอาณาจักรด้วยเช่นกัน ต่อมาประเทศบางส่วนในยุโรปตะวันตกได้เข้าร่วมฝ่ายสัมพันธมิตรหลังจากถูกกองทัพเยอรมันเข้ามารุกราน ได้แก่ เดนมาร์ก นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม และลักเซมเบิร์ก

ในวันที่ 17 กันยายน สหภาพโซเวียตบุกครองโปแลนด์ทางทิศตะวันออก ต่อมา ในวันที่ 30 กันยายน สหภาพโซเวียตโจมตีฟินแลนด์ ภายในปีต่อมา สหภาพโซเวียตได้ผนวกเอาดินแดนของรัฐบอลติก ซึ่งประกอบด้วยเอสโตเนีย ลัตเวียและลิทัวเนีย ต่อมาสนธิสัญญาไม่รุกรานกันระหว่างเยอรมนี-โซเวียตยุติลงภายหลังจากการรุกรานสหภาพโซเวียตของนาซีเยอรมนี ในวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 1941 จึงได้เข้าร่วมฝ่ายกับสัมพันธมิตรและทำการต่อสู้ในแนวรบตะวันออก

ส่วนสหรัฐได้ตั้งอยู่ในสถานะความเป็นกลางไม่ยุ่งกับสงครามแต่คอยช่วยเหลือสนับสนุนสัมพันธมิตรและสหภาพโซเวียตด้วยการให้ทรัพยากรต่าง ๆ และอาวุธยุโธปกณ์ต่าง ๆ แต่หลังจากการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ของจักรวรรดิญี่ปุ่นทำให้อเมริกาตัดสินใจเข้าร่วมสงคราม เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1941 ต่อมาปฏิญญาแห่งสหประชาชาติในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1942 ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิกร่วมลงนามจำนวน 26 ประเทศ ถือได้ว่าเป็นประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรจำนวน 3 ประเทศ สหราชอาณาจักร สหรัฐและสหภาพโซเวียตถือได้ว่าเป็น ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสาม อย่างไม่เป็นทางการ

ประเทศสมาชิกหลัก

สหราชอาณาจักร

สหราชอาณาจักรได้เข้าร่วมสงครามเป็นฝ่ายสัมพันธมิตรหลังจากที่เยอรมนีบุกโปแลนด์ในปี ค.ศ. 1939 ซึ่งสหราชอาณาจักรเป็นฝ่ายสัมพันธมิตรเพียงไม่กี่ประเทศในยุโรปที่รอดพ้นจากการถูกเยอรมนียึดครองจนสิ้นสุดสงคราม

สหรัฐ

สหรัฐได้วางตัวเป็นกลาง แต่ก็ส่งเสบียงให้กับฝ่ายสัมพันธมิตร จนกระทั่งถูกญี่ปุ่นโจมตีฐานทัพเรือสหรัฐอเมริกาที่อ่าวเพิร์ล สหรัฐจึงเข้าร่วมสงครามเป็นฝ่ายสัมพันธมิตรในปี ค.ศ. 1941 โดยทำสงครามต่อญี่ปุ่นและเยอรมนีจนสิ้นสุดสงคราม

สหภาพโซเวียต

สหภาพโซเวียตได้ร่วมมือกับนาซีเยอรมันในเรื่องการบุกเข้ายึดประเทศโปแลนด์ในปี ค.ศ. 1939 โดยนาซีเยอรมันจะบุกจากทางตะวันตก ส่วนสหภาพโซเวียตบุกมาทางด้านตะวันออก ทำให้ประเทศโปแลนด์ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยนาซีเยอรมันครอบครองโปแลนด์ทางตะวันตก ส่วนสหภาพโซเวียตครอบครองโปแลนด์ทางตะวันออก ต่อมาทั้งสองประเทศได้ทำสนธิสัญญาโมโลตอฟ-ริบเบนทรอพคือ การไม่รุกรานกัน เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 1939 เพื่อหลังจากยึดโปแลนด์แล้ว นาซีเยอรมันก็จะทำสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตรที่แนวรบตะวันตกได้เต็มที่โดยโซเวียตไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย แต่ทว่านาซีเยอรมันกลับฉีกสันธิสัญญาฉบับนี้ไป เมื่อส่งกองทัพบุกโจมตีสหภาพโซเวียตในปฏิบัติการบาร์บารอสซา โซเวียตจึงได้เปลี่ยนฝ่ายเป็นสัมพันธมิตร

จีน

ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1920 รัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋งนำโดยจอมทัพเจียง ไคเช็คซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากสหภาพโซเวียต และยังได้มีการช่วยเหลือการปรับปรุงภายในพรรคในเป็นไปตามแนวคิดลัทธิเลนิน อันประกอบด้วยการผสมกันอย่างลงตัวระหว่างพรรค รัฐและกองทัพ อย่างไรก็ตาม หลังจากการประกาศรวมชาติเมื่อปี ค.ศ. 1928 เจียง ไคเช็คได้กวาดล้างเอานักการเมืองหัวเอียงซ้ายออกจากพรรคและต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ขุนศึกในอดีตและฝ่ายอื่น ๆ ประเทศจีนในเวลานั้นมีความขัดแย้งกันและเปิดโอกาสให้ญี่ปุ่นกลืนกินดินแดนทีละน้อยโดยไม่สูญเสียกำลังทหารมากนัก จากเหตุการณ์กรณีมุกเดนในปี ค.ศ. 1931 นำไปสู่การจัดตั้งแมนจูกัว แต่รัฐบาลจีนยังคงมุ่งความสนใจไปยังการกำจัดพรรคคอมมิวนิสต์และขุนศึกต่อไป โดยแบ่งกองทัพเพียงส่วนน้อยมาทำการรบเพื่อต้านทานกองทัพญี่ปุ่น

ในช่วงต้นของคริสต์ทศวรรษ 1930 เยอรมนีและจีนได้ให้ความร่วมมือระหว่างกันทางทหารและอุตสาหกรรม โดยนาซีเยอรมนีได้กลายมาเป็นคู่ค้าอาวุธและวิทยาการรายใหญ่ของจีน หลังจากเหตุการณ์สะพานมาร์โค โปโล เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1937 จีนและญี่ปุ่นจึงเข้าสู่การทำสงครามเบ็ดเสร็จ ซึ่งดำเนินต่อไปจนกระทั่งยุติลงในปี ค.ศ. 1945 สหภาพโซเวียตต้องการให้จีนต่อสู้กับญี่ปุ่น จึงให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่จีนจนถึงปี ค.ศ. 1941 หลังจากการลงนามในสนธิสัญญาความเป็นกลางญี่ปุ่น เพื่อเตรียมตัวทำสงครามกับเยอรมนีในแนวรบด้านตะวันออก

ถึงแม้ว่าจีนจะเป็นประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรที่ทำการรบเป็นเวลายาวนานที่สุด แต่จีนได้เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างเป็นทางการภายหลังการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ โดยจอมทัพเจียง ไคเช็คมีความเชื่อมั่นว่าฝ่ายสัมพันธมิตรจะสามารถชนะสงครามได้หลังจากการเข้าสู่สงครามของสหรัฐ

ฝรั่งเศส

ฝรั่งเศสมีส่วนร่วมกับการรบในแนวรบด้านตะวันตก นับตั้งแต่สงครามลวง และยุทธการฝรั่งเศส หลังจากความพ่ายแพ้ต่อกองทัพเยอรมัน ดินแดนฝรั่งเศสถูกแบ่งออกเป็น "ฝรั่งเศสเขตยึดครอง" และ "วิชีฝรั่งเศส" ขณะที่รัฐบาลฝรั่งเศสลี้ภัยไปยังอังกฤษ และมีการก่อตั้งฝรั่งเศสเสรี ซึ่งมีส่วนร่วมในการปลดปล่อยฝรั่งเศสจนกระทั่งสงครามยุติ

ประเทศสมาชิกรอง

โปแลนด์

สงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรปเริ่มต้นขึ้นเมื่อการบุกครองโปแลนด์ ในขณะนั้น กองทัพโปแลนด์มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สามของบรรดาประเทศในทวีปยุโรป รองจากสหภาพโซเวียตและสหราชอาณาจักร โปแลนด์ไม่เคยยอมจำนนอย่างเป็นทางการต่อนาซีเยอรมนี และทำสงครามต่อภายใต้คณะรัฐบาลพลัดถิ่นโปแลนด์

กองทัพบ้านเกิดซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปนอกอาณาเขตของสหภาพโซเวียต และมีขบวนการเคลื่อนไหวใต้ดินอื่น ๆ ที่ได้ให้ข้อมูลข่าวกรองซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติการให้สำเร็จในสงครามระยะต่อมา และได้เปิดเผยการก่อาชญากรรมสงครามของนาซีเยอรมนีต่อฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตก นอกจากนี้ กองกำลังโปแลนด์ยังได้มีส่วนช่วยเหลือฝ่ายสัมพันธมิตรในแนวรบด้านตะวันตก แนวรบทะเลทราย และแนวรบด้านตะวันออกอีกด้วย

เบลเยียม

เนเธอร์แลนด์

ลักเซมเบิร์ก

นอร์เวย์

เชโกสโลวาเกีย

กรีซ

ยูโกสลาเวีย

แคนาดา

ออสเตรเลีย

นิวซีแลนด์

แอฟริกาใต้

เม็กซิโก

คิวบา

สาธารณรัฐโดมินิกัน

บราซิล

กลุ่มออสโล

กลุ่มออสโลเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มประเทศที่เป็นกลางระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งในภายหลังได้เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรในฐานะรัฐบาลพลัดถิ่น อันประกอบด้วย นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยมและลักเซมเบิร์ก

ฟินแลนด์ถูกรุกรานโดยสหภาพโซเวียตเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1939 ในภายหลังฟินแลนด์และเดนมาร์กได้เข้าร่วมกับสนธิสัญญาต่อต้านองค์การคอมมิวนิสต์สากลร่วมกับฝ่ายอักษะ ส่วนสวีเดนยังคงดำรงตนเป็นกลางตลอดช่วงเวลาของสงคราม หลังจากสนธิสัญญาสงบศึกในกรุงมอสโกเมื่อปี ค.ศ. 1944 ฟินแลนด์ได้เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรและหันมาต่อสู้กับเยอรมนีแทน และเกิดเป็นสงครามแลปแลนด์

ส่วนเดนมาร์กซึ่งถูกรุกรานโดยเยอรมนีเมื่อวันที่ 9 เมษายน ค.ศ. 1940 รัฐบาลเดนมาร์กไม่ได้ประกาศสงครามกับเยอรมนีและยอมจำนนในวันเดียวกัน เนื่องจากว่ารัฐบาลยังคงมีอำนาจในการจัดการกิจการภายในประเทศได้อยู่ เดนมาร์กไม่ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้นมา ชาวเดนมาร์กรบโดยอยู่ทั้งฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะ ไอซ์แลนด์ หมู่เกาะแฟโรและกรีนแลนด์ซึ่งถือว่าเป็นอาณานิคมของเดนมาร์ก ถูกยึดครองโดยฝ่ายสัมพันธมิตรตลอดช่วงเวลาส่วนใหญ่ของสงคราม กองทัพอังกฤษรุกรานเกาะไอซ์แลนด์ในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1940 และใช้อำนวยความสะดวกให้กับนโยบายให้กู้-ยืม ส่วนกองกำลังจากสหรัฐอเมริกาได้ยึดครองเกาะกรีนแลนด์เมื่อวันที่ 9 เมษายน ค.ศ. 1941 หลังจากนั้นก็ได้ยึดครองเกาะไอซ์แลนด์ในวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1941 แม้ว่าจะคงดำรงตนเป็นกลางในสงครามก็ตาม ต่อมาไอซ์แลนด์ประกาศตนเป็นเอกราชจากเดนมาร์กในปี ค.ศ. 1944 แต่ไม่ได้ประกาศสงครามกับประเทศฝ่ายอักษะใด ๆ

Giuseppe Zanotti Luxury Sneakers

เครือจักรภพแห่งประชาชาติ

ประเทศเหล่านี้ถูกดึงเข้าสู่สงครามหลังจากการประกาศสงครามของสหราชอาณาจักร ซึ่งประเทศเหล่านี้ประกอบด้วย ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์และแอฟริกาใต้

สหภาพรวมอเมริกา

สมาชิกของสหภาพรวมอเมริกายังคงดำรงตนเป็นกลางในช่วงปี ค.ศ. 1939-1941 ได้สร้างสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันในที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่กรุงอาบานา ระหว่างวันที่ 21-30 กรกฎาคม ค.ศ. 1940 โดยมีตัวแทนประเทศ 21 ประเทศร่วมลงนาม อันประกอบด้วย

  • โบลิเวีย
  • บราซิล
  • ชิลี
  • โคลัมเบีย
  • คอสตาริกา
  • คิวบา
  • สาธารณรัฐโดมินิกัน
  • เอลซัลวาดอร์
  • กัวเตมาลา
  • เฮติ
  • ฮอนดูรัส
  • เม็กซิโก
  • นิการากัว
  • ปานามา
  • สหรัฐ

องค์การคอมมิวนิสต์สากล

  • แนวราษฎร
  • อัลเบเนีย
  • มาเลเซีย
  • มองโกเลีย
  • สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต
  • สาธารณรัฐประชาชนตูวา
  • เวียดนาม - เวียดมินห์
  • ยูโกสลาเวีย

องค์การสหประชาชาติ

หลังจากได้มีการลงนามในปฏิญญาสหประชาชาติเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1942 โดยมีตัวแทนจาก 27 ประเทศร่วมลงนาม ประกอบด้วย

ส่วนประเทศที่ลงนามในภายหลังได้แก่

  • เครือจักรภพฟิลิปปินส์ (ค.ศ. 1942)
  • เอธิโอเปีย (ค.ศ. 1942)
  • อิรัก (ค.ศ. 1943)
  • อิหร่าน (ค.ศ. 1943)
  • บราซิล (ค.ศ. 1943)
  • โบลิเวีย (ค.ศ. 1943)
  • ไลบีเรีย (ค.ศ. 1944)
  • ฝรั่งเศส (ค.ศ. 1944)
  • เปรู (ค.ศ. 1945)
  • ชิลี (ค.ศ. 1945)
  • ปารากวัย (ค.ศ. 1945)
  • เวเนซุเอลา (ค.ศ. 1945)
  • อุรุกวัย (ค.ศ. 1945)
  • ตุรกี (ค.ศ. 1945)
  • อียิปต์ (ค.ศ. 1945)
  • ซาอุดีอาระเบีย (ค.ศ. 1945)
  • เลบานอน (ค.ศ. 1945)
  • ซีเรีย (ค.ศ. 1945)

การยอมแพ้ส่วนน้อย

ดูเพิ่ม

  • ผู้นำฝ่ายสัมพันธมิตรระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

  • พันธมิตรที่เปลี่ยนแปลงบนเวทีโลก
  • การประชุมแอตแลนติก มติแห่งวันที่ 24 กันยายน 1941 เก็บถาวร 2006-08-31 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน



Text submitted to CC-BY-SA license. Source: ฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง by Wikipedia (Historical)

Articles connexes


  1. ผู้นำฝ่ายสัมพันธมิตรระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง
  2. ชื่ออากาศยานญี่ปุ่นตั้งโดยฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง
  3. ฝ่ายสัมพันธมิตร
  4. ฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
  5. การบุกครองอิตาลีของฝ่ายสัมพันธมิตร
  6. ผู้นำฝ่ายอักษะระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง
  7. สงครามโลกครั้งที่สอง
  8. การบุกครองเยอรมนีของสัมพันธมิตรตะวันตก
  9. การบุกครองเกาะซิซิลีของฝ่ายสัมพันธมิตร
  10. การทิ้งระเบิดจังหวัดพระนครในสงครามโลกครั้งที่สอง
  11. กองบัญชาการสูงสุดกำลังรบนอกประเทศสัมพันธมิตร
  12. เยอรมนีภายใต้การยึดครองของสัมพันธมิตร
  13. ออสเตรียภายใต้การยึดครองของฝ่ายสัมพันธมิตร
  14. ลำดับเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สอง (1945)
  15. ประเทศไทยในสงครามโลกครั้งที่สอง
  16. การล้อมลารอแชลของฝ่ายสัมพันธมิตร
  17. ลำดับเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สอง (1943)
  18. ลำดับเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สอง (1944)
  19. ขบวนการต่อต้านของชาวโปแลนด์ในสงครามโลกครั้งที่สอง
  20. ลำดับเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สอง (1942)